aestox

Aestox ดีไหม โบท็อกซ์ Aextox แต่ละสีต่างกันอย่างไรราคาเท่าไร

หากคุณกำลังมองหาการเติมโบท็อกซ์เพื่อเสริมความงามและลดริ้วรอย คงได้ยินชื่อ “Aestox” กันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้เราจะมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับ Aestox ว่าดีไหม สีแต่ละสีต่างกันอย่างไร และราคาเท่าไหร่ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ

บท็อกซ์ Aestox ดีไหม มีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง ?

Aestox เป็นแบรนด์โบเกาหลี ที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้ใช้หลายคน มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย ยกกระชับผิว และปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ Aestoxใช้สาร Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นสารที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการเสริมความงาม มีการรับรองความปลอดภัยจากหลายสถาบัน ทำให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพและผลลัพธ์

โบท็อกซ์แต่ละสีต่างกันอย่างไร?

Aestox  มีการจัดประเภทสีที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ซึ่งหลักๆ มีดังนี้

  1. Aestox สีฟ้า (Blue Aestox) เน้นการลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยรอบดวงตา และริ้วรอยระหว่างคิ้ว
  2. Aestox สีเขียว (Green Aestox) – เน้นการปรับรูปหน้าและยกกระชับ เช่น การยกกระชับผิวหน้า การปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
  3. Aestox สีแดง (Red Aestox) – ใช้ในการลดกล้ามเนื้อ เช่น การลดขนาดกราม ลดกล้ามเนื้อแขนและขา

โบท็อกซ์ Aestox อยู่ได้กี่เดือน ?

อายุการใช้งานของโบท็อกซ์ Aestox นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณที่เติม ยิ่งเติมมาก ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น บริเวณที่เติมเพราะการเติมบริเวณที่กล้ามเนื้อทำงานบ่อย เช่น บริเวณหน้าผาก อาจจะเห็นผลสั้นลงกว่าบริเวณอื่น นอกจากนี้การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์ และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก จะยิ่งช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น รวมไปถึงเมตาบอลิซึมของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนมีอัตราการเผาผลาญที่แตกต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว ผลของโบท็อกซ์ Aestox จะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน แต่บางคนอาจเห็นผลอยู่ได้นานถึง 6 เดือน

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์สั้นลงก็อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกายที่หนักเกินไปอาจทำให้โบท็อกซ์สลายตัวเร็วขึ้น การนวดหน้าแรงๆ อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวและลดประสิทธิภาพ และการใช้ความร้อนสูง อย่างเช่น การซาวน่า หรือการอบไอน้ำ อาจทำให้โบท็อกซ์สลายตัวเร็วขึ้นได้เช่นกัน

Aestox ราคาเท่าไร ?

ราคาของ Aestox จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณการใช้ และบริเวณที่ต้องการเติม เพราะการเติมบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น รอบดวงตา รวมไปถึงคลินิกที่ให้บริการ และโปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลา

เปรียบเทียบ Aestox กับโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น

การเลือกโบท็อกซ์สำหรับการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน เราจะมาเปรียบเทียบ Aestox กับโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้นกัน

1. Aestox จากเกาหลีใต้ สารออกฤทธิ์ประเภท Botulinum Toxin Type A มีจุดเด่นอยู่ที่

  • คุณภาพสูง ผลลัพธ์ชัดเจน
  • ราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
  • ได้รับความนิยมในหมู่คลินิกเสริมความงามในเอเชีย

2. Botox (Allergan) จากประเทศสหรัฐอเมริกา สารออกฤทธิ์ประเภท Botulinum Toxin Type A จุดเด่นอยู่ที่

  • เป็นโบท็อกซ์ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในสหรัฐอเมริกา
  • มีการวิจัยและการใช้งานมากที่สุดในโลก
  • ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและคาดเดาได้

3. Dysport (Ipsen) โบท็อกซ์จากประเทศสหราชอาณาจักร สารออกฤทธิ์ประเภท Botulinum Toxin Type A มีจุดเด่นที่

  • กระจายตัวได้ดีกว่า เหมาะกับการเติมในบริเวณกว้าง
  • ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้เร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง

4. Xeomin (Merz) จากเยอรมัน เป็นสารออกฤทธิ์ประเภท Botulinum Toxin Type A มีจุดเด่นที่

  • ไม่มีโปรตีนเสริม ทำให้ลดความเสี่ยงการดื้อยา
  • ผลลัพธ์ธรรมชาติและนุ่มนวล

5. Nabota (Daewoong) จากประเทศเกาหลีใต้ สารออกฤทธิ์ประเภท Botulinum Toxin Type A โดดเด่นที่

  • ได้รับการรับรองจากหลายประเทศ
  • ราคาไม่สูงมาก มีคุณภาพที่ดี

การเตรียมตัวก่อนเติมโบท็อกซ์ Aestox

การเตรียมตัวก่อนเติมโบท็อกซ์ Aestox เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น นี่คือคำแนะนำในการเตรียมตัวที่ควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการเติมโบท็อกซ์ Aestox

1. ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ

ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการเติมโบท็อกซ์ เพื่อประเมินสภาพผิวหน้าและพูดคุยเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการ แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือยาที่กำลังใช้อยู่ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

2. หลีกเลี่ยงยาบางชนิด

หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), วิตามินอี และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโสมหรือกระเทียม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการเติมยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกหลังการเติม

3. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการเติม เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

4. ดูแลสุขภาพทั่วไป

ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดี

นอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนการเติม เพื่อให้ผิวหน้าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด

5. งดการแต่งหน้า

ในวันที่เติม ควรทำความสะอาดใบหน้าและงดการแต่งหน้า เพื่อให้ผิวหน้าอยู่ในสภาพที่สะอาดและพร้อมรับการรักษา

6. หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์บางชนิด

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) หรือกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ประมาณ 1-2 วันก่อนการเติม เพื่อลดการระคายเคืองของผิวหน้า

7. เตรียมตัวเรื่องการเดินทาง

ควรเตรียมการเดินทางให้เหมาะสม เพื่อให้คุณมีเวลาเพียงพอในการกลับบ้านและพักผ่อนหลังการเติม ไม่ควรวางแผนกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือออกกำลังกายหนักในวันเดียวกับวันที่เติม

สรุป วิธีดูโบท็อกซ์ Aestox ของแท้

การเลือกใช้โบท็อกซ์ที่เป็นของแท้และมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมความงาม เพราะการใช้โบท็อกซ์ปลอมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นการตรวจสอบโบท็อกซ์ Aestox ว่าเป็นของแท้หรือไม่จึงเป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ

1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์

  • กล่องบรรจุ กล่องของ Aestox  ของแท้จะมีการพิมพ์ที่ชัดเจน ไม่เลอะเลือน ตัวอักษรและโลโก้ต้องคมชั
  • ฉลาก ตรวจสอบฉลากที่ติดอยู่บนกล่อง ควรมีข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์, วันที่ผลิต, วันหมดอายุ และเลขล็อต (Lot Number)
  • ซีลปิดผนึก กล่องควรมีซีลปิดผนึกที่ไม่มีรอยฉีกขาด หากซีลถูกเปิดหรือเสียหาย อาจเป็นสัญญาณว่าเป็นของปลอม

2. ตรวจสอบขวดบรรจุ

ขวดบรรจุของ Aestox  ของแท้จะเป็นขวดแก้วที่มีฉลากติดอย่างแน่นหนา ตัวอักษรบนฉลากต้องคมชัดและไม่หลุดลอก สารในขวดโบท็อกซ์ของแท้จะเป็นผงแห้งสีขาว ซึ่งจะต้องผสมกับน้ำเกลือ (Saline) ก่อนใช้

3. ตรวจสอบเลขทะเบียน

ตรวจสอบเลขทะเบียนของโบท็อกซ์ Aestox ว่าตรงกับข้อมูลที่ได้จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของ อย.

4. ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

เลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้รับการรับรองและมีความชำนาญการ รวมถึงตรวจสอบว่าแพทย์ที่เติมโบท็อกซ์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและมีความชำนาญการในการเติมโบท็อกซ์

5. ราคาเหมาะสม

โบท็อกซ์ของแท้มักมีราคาที่สมเหตุสมผล หากราคาถูกเกินไปอาจเป็นสัญญาณว่าเป็นของปลอม

6. ตรวจสอบการผสมสาร

ด้านการผสมสาร ทางแพทย์ผู้เติมควรทำการผสมสารโบท็อกซ์ต่อหน้าคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าสารที่ใช้เป็นของแท้และมีความสะอาด

ทั้งนี้การเลือกใช้โบท็อกซ์ Aestox ของแท้จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจเติมเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

หากคุณกำลังมองหาวิธีการลดริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส Pongsak Clinic ขอแนะนำการเติมโบท็อกซ์ Aestox ซึ่งเป็นโบท็อกซ์คุณภาพสูงจากเกาหลี ที่ Pongsak Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการเติมโบท็อกซ์ที่มีประสบการณ์ ให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าการเติมโบท็อกซ์ Aestox ของคุณจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากมืออาชีพ

  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ให้แพทย์ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล คลิก!


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Aestox  ดีไหม

โบท็อกซ์ Aestox คืออะไร?

โบท็อกซ์ Aestox เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารโบทูลินัมท็อกซินชนิด A เพื่อลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า โดยทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย

ผลลัพธ์ของการใช้ Aestox ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล?

โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการเติมโบท็อกซ์ Aestox จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การเติม Aestox เหมาะกับใครบ้าง?

การเติมโบท็อกซ์ Aestox เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า โดยเฉพาะริ้วรอยบริเวณหน้าผาก, รอบดวงตา และระหว่างคิ้ว

Aestox มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการเติม Aestox อาจรวมถึงรอยช้ำ, บวม, แดง หรืออาการปวดบริเวณที่เติม แต่ส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วัน