ปัจจุบันยังคงมีหลายคนสงสัยว่า โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ? เพราะการฉีดโบท็อกซ์นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้า ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดรอยย่นบนใบหน้าได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว หางตา รวมไปถึงฉีดเพื่อลดขนาดกราม ลดขนาดน่อง ทำให้ในปี 2024 นี้มี ยี่ห้อโบท็อกซ์ หลาย ๆ ยี่ห้อถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค วันนี้เราจึงมีข้อมูลของโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมาแชร์ เพื่อให้หายสงสัยกันว่า โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ? และ ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุดในปี 2024 นี้
โบท็อกซ์ ช่วยอะไร ?
โบท็อกซ์ สามารถทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแช่วคราว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงถูกนำมาใช้เพื่อลดรอยย่นและริ้วรอยบนใบหน้า โดยโบท็อกซ์ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาให้ใช้รักษาภาวะต่าง ๆ มาดูกันว่า โบท็อกซ์ ช่วยอะไร ได้บ้าง ?
- รอยย่นระหว่างคิ้ว (Frown lines)
- รอยตีนกา (Crow’s feet)
- รอยย่นบนหน้าผาก (Forehead lines)
- เหงื่อออกมากเกินไป (Hyperhidrosis)
- ภาวะกล้ามเนื้อคอหดเกร็ง (Spastic torticollis)
- ตะคริวกล้ามเนื้อ (Muscle spasms)
- ปวดไมเกรน (Migraine headaches)
โบท็อกซ์ออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่ปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีดผ่อนคลายชั่วคราว โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน
ยี่ห้อโบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร ?
ในปัจจุบัน ยี่ห้อโบท็อกซ์ สำหรับฉีดโบลดริ้วรอย และโบท็อกซ์สำหรับแก้ปัญหาส่วนต่าง ๆ บนใบหน้านั้นมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นแตกต่างกัน มาดูกันเลยว่าควรเลือก โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ตามข้อมูลดังนี้
1. กรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์ที่แตกต่างกัน กรรมวิธีที่ใช้มีผลต่อความบริสุทธิ์ของตัวยา
- โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan): ใช้กรรมวิธีการทำให้บริสุทธิ์แบบ “High Protein Complex” ซึ่งช่วยให้ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงน้อย
- โบเกาหลี (Meditoxin, Nabota, Clostridium): ใช้กรรมวิธีการทำให้บริสุทธิ์แบบ “Low Protein Complex” เช่น โบท็อกซ์ยี่ห้อนาโบตะ เป็นต้น
- โบเยอรมัน (Xeomin) ใช้กรรมวิธีการทำให้บริสุทธิ์แบบ “Purified Complex” ซึ่งช่วยให้ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง
- โบอังกฤษ (Dysport) ใช้กรรมวิธีการทำให้บริสุทธิ์แบบ “Low Protein Complex”
2. ชนิดของโปรตีนคอมเพล็กซ์
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีชนิดของโปรตีนคอมเพล็กซ์ที่แตกต่างกัน โปรตีนคอมเพล็กซ์เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งเราจะยกตัวอย่างจาก แบรนด์โบท็อกซ์ มาตรฐานสากล ดังนี้
- โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan) มีโปรตีนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ กระจายตัวได้ช้ากว่าและผลลัพธ์ยาวนานกว่า
- โบเกาหลี (Meditoxin, Nabota, Clostridium) มีโปรตีนคอมเพล็กซ์ขนาดเล็ก กระจายตัวได้เร็วกว่าและผลลัพธ์สั้นกว่า
- โบเยอรมัน (Xeomin) มีโปรตีนคอมเพล็กซ์ขนาดเล็ก กระจายตัวได้เร็วกว่าและผลลัพธ์สั้นกว่า
- โบอังกฤษ (Dysport) มีโปรตีนคอมเพล็กซ์ขนาดเล็ก กระจายตัวได้เร็วกว่าและผลลัพธ์สั้นกว่า
3. ระยะเวลาในการออกฤทธิ์
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ประมาณ 3-6 เดือน แต่ระยะเวลาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สุขภาพ และบริเวณที่ฉีด
4. ราคา
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและบริเวณที่ฉีด
ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ในประเทศไทย อัพเดตล่าสุด 2024 ศึกษาไว้ก่อนโดนหลอก !
โบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) อัพเดตข้อมูลล่าสุดประจำปี 2024 มีทั้งหมด 8 ยี่ห้อ และมีจุดเด่น ดังนี้
Allergan (โบท็อกซ์อเมริกา)
เป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก มีจุดเด่นคือ
- เป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก มีจุดเด่นคือ
- โมเลกุลคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ กระจายตัวช้ากว่า ผลลัพธ์ยาวนาน 4-6 เดือน
- มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับริ้วรอยลึก กล้ามเนื้อกรามใหญ่
- มีความอดภัยสูงหลังฉีด ผ่านการรับรองจาก FDA
Dysport (โบอังกฤษ)
- โมเลกุลคอมเพล็กซ์ขนาดเล็ก กระจายตัวได้ทั่วถึง เหมาะกับการฉีดแบบกระจายทั่วใบหน้า
- เห็นผลเร็ว ภายใน 1-2 สัปดาห์
- ธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- เหมาะกับริ้วรอยปานกลาง ตื้น
Xeomin (โบเยอรมัน)
- โมเลกุลคอมเพล็กซ์บริสุทธิ์สูง ไร้สารเจือปน
- ลดความเสี่ยงในการดื้อยา
- เห็นผลเร็ว ภายใน 1-2 สัปดาห์
- ธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- เหมาะกับริ้วรอยปานกลาง ตื้น
Aestox (โบเกาหลี)
- ราคาประหยัด
- เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- เห็นผลเร็ว ภายใน 1-2 สัปดาห์
- ธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- เหมาะกับริ้วรอยปานกลาง ตื้น
โบนาโบตะ (โบเกาหลี)
- โมเลกุลคอมเพล็กซ์ขนาดเล็ก กระจายตัวได้ทั่วถึง
- เห็นผลเร็ว ภายใน 1-2 สัปดาห์
- ธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- เหมาะกับริ้วรอยปานกลาง ตื้น
ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่ต่อการฉีด 1 ครั้ง ?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นมีหลายราคา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขึ้นอยู่กับจำนวนยูนิต หรือแล้วแต่บริเวณที่ต้องการฉีด เช่น การฉีดโบลดริ้วรอย ราคาจะต่ำกว่าการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น
ถ้าใครสนใจการฉีดโบท็อกซ์ที่เห็นผลจริง มียี่ห้อโบท็อกซ์ให้เลือกหลากหลาย Pongsak Clinic คลินิกความงามชั้นนำที่มีประสบการณ์มากกว่า 34 ปีของเรายินดีให้บริการทุกเมื่อ พร้อมให้บริการดูแลตั้งแต่ใบหน้าไปจนถึงทั่วเรือนร่างอย่างครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ให้แพทย์ออกแบบกรรักษาเพาะบุคล คลิก!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือก โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี
โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน ยี่ห้อไหนประสิทธิภาพดีที่สุด
โบท็อกซ์โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 3-8 เดือน แต่ระยะเวลาการอยู่ได้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นตำแหน่งที่ฉีด , ยี่ห้อโบท็อกซ์ , จำนวนยูนิตที่ฉีด และการดูแลหลังฉีด
ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ยี่ห้อไหนเห็นผลไวที่สุด
ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นกัน แต่โดยทั่วไปผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีดภายใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบันมีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกในท้องตลาด
การฉีดโบท็อกซ์ ดีจริงไหม ?
การฉีดโบท็อกซ์ดีจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและความคาดหวังของแต่ละบุคคล ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินความเหมาะสมและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย ผลข้างเคียง และการดูแลหลังฉีดอย่างละเอียด