5 สาเหตุการนอนกรนที่ไม่ควรมองข้าม
คุณรู้หรือไม่การนอนกรนเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม และมีอันตรายถึงชีวิต เพราะเป็นการทำงานผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ การนอนกรนจึงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่จะมองข้ามไป >>> รักษาด้วย Snoreless
การฉีดโบท็อกซ์ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยฉีดเข้าบริเวณกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อยับยั้งการหดตัว ส่งผลให้ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าดูลดเลือนลง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรับรูปหน้า ยกกระชับใบหน้า ลดขนาดกราม และรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติได้อีกด้วย แล้วการฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล โบท็อกซ์ช่วยอะไรได้บ้าง ไปดูกันเลย
โบท็อกซ์ คือ Botulinum Toxin Type A มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาท เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง กรอบหน้าเรียวขึ้น ลดเหงื่อ และลดกลิ่นตัว
กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ หรือ โบตุลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ที่นำมาใช้เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว นิยมใช้ในทางเสริมความงามเพื่อลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น ฉีดโบท็อกซ์ หน้าผาก หางตา ตีนกา รอยยิ้มเหยิน โบท็อกซ์ใต้ตา
นอกจากนี้ยังใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยการฉีดลดกราม และยังมีการใช้โบท็อกซ์เพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ เช่น ไมเกรน ภาวะเหงื่อออกมากเกินไป หย่อนก้น และกล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ก็มีข้อดีและข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
โดยทั่วไป ฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ทันทีเล็กน้อย และภายใน 3-7 วัน จะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ดังนี้
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
โบท็อกซ์โดยทั่วไปจะอยู่ได้ ประมาณ 3-6 เดือน แต่ระยะเวลาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ขยับบ่อยๆ เช่น รอบดวงตา มักจะมีผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่าบริเวณที่ขยับน้อย เช่น
ทั้งนี้ โบท็อกซ์ไม่ใช่สารถาวร เมื่อหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ
โบท็อกควรฉีดทุก 3-6 เดือน ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อกซ์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
ดังนั้น ควรฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่เหมาะสม และเว้นระยะห่างในการฉีดโบท็อกซ์ตามคำแนะนำของแพทย์
มีหลายสาเหตุที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล ดังนี้
โบท็อกซ์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐานมักมีสารปนเปื้อนสูง ร่างกายอาจสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารเหล่านี้ ทำให้โบท็อกซ์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือไม่ทำงานเลย
การฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป ร่างกายอาจสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารโบท็อกซ์ ทำให้โบท็อกซ์อยู่ได้สั้นลง หรือไม่เห็นผล
หากฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่น้อยเกินไป อาจจะไม่เห็นผล
หากฉีดโบท็อกซ์ไม่ถูกตำแหน่ง กล้ามเนื้ออาจไม่ถูกคลายอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เห็นผล
อาการดื้อโบท็อกซ์มักเกิดกับผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์ปลอมมาก่อน หรือฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป
หากร่างกายกำลังฟื้นฟูจากโรค เช่น ไข้หวัด ภูมิคุ้มกันอาจจะอ่อนแอ ทำให้โบท็อกซ์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบท็อกซ์
ความเครียดอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบท็อกซ์
หากฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อหาสาเหตุและแก้ไข นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ เช่น อายุ สุขภาพ และสภาพผิว ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
การดื้อโบท็อกซ์ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการแก้ไขให้หายขาดได้สนิท แต่มีวิธีช่วยให้โบท็อกซ์สลายตัวเร็วขึ้น และอาจช่วยให้กลับมาระงับริ้วรอยได้ดีขึ้น ดังนี้
แพทย์บางท่านแนะนำให้ลองเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อก
แพทย์อาจใช้สารเติมเต็ม เช่น ฟิลเลอร์ hyaluronic acid ร่วมกับโบท็อก
หากวิธีข้างต้นไม่ประสบผล แพทย์อาจแนะนำเทคโนโลยีอื่นๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละคนไข้
Pongsak Clinic เข้าใจดีว่าทุกคนต่างปรารถนาผิวหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เราจึงมุ่งมั่นคัดสรรแบรนด์โบท็อกซ์มาตรฐานสากล ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และ US FDA เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์ที่ปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ มากประสบการณ์ ผ่านการอบรมการฉีดโบท็อกซ์โดยเฉพาะ เข้าใจสรีระและกลไกการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างถ่องแท้ พร้อมเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ จากการวิเคราะห์สภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลอย่างละเอียด ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์ด้วยเทคนิคที่แม่นยำ ปลอดภัย เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ให้แพทย์ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล คลิก!
ปกติแล้วการฉีดโบท็อกซ์จะผิวจะเริ่มลดรอยแดงลงภายใน 2-3 วัน แต่ระยะเวลาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ฉีด หรือสภาพผิวของคนไข้แต่ละบุคคล
คำแนะนำ ให้ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดหลังการรักษา หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด นอนหงายและหนุนศีรษะสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ
โบท็อกซ์ 100 ยูนิต สามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของคุณ
จุดยอดนิยมที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ 100 ยูนิต ได้แก่
-หน้าผาก: ช่วยลดรอยย่นบนหน้าผาก
-ระหว่างคิ้ว: ช่วยลดรอยขมวดคิ้ว
-หางตา: ช่วยลดรอยตีนกา
-กราม: ช่วยให้กรอบหน้าเรียวขึ้น
-ยิ้มเหยิน: ช่วยลดรอยยิ้มที่มุมปาก
-จมูก: ช่วยยกปลายจมูก
-คอ: ช่วยลดริ้วรอยบนคอ
โบท็อกซ์ควรฉีดทุก 3-6 เดือน ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อกซ์ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด เช่น
-รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหางตา มักอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน
-รอยย่นบริเวณร่องแก้ม มักอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
-กราม มักอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
เพื่อให้ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานขึ้นและลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง แนะนำให้ งด อาหารดังต่อไปนี้ เป็นเวลา 2 อาทิตย์
-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด: แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ตัวยาโบท็อกซ์กระจายตัวไม่ดี ส่งผลต่อประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดรอยช้ำหลังฉีด
-อาหารที่เผ็ดร้อน: อาหารเผ็ดอาจทำให้หน้าแดง ส่งผลต่อการกระจายตัวของตัวยา และเพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำ
-อาหารหมักดอง: อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง มีสารไฮสตามีนที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือทำให้รอยช้ำบวมแดงได้นานขึ้น