Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง? ความเหมือนความต่างและจุดเด่น
Ulthera กับ Thermage ต่างก็เป็นเทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิวอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับถึงผลลัพธ์ในระดับสากล โดยไม่ผ่าตัด ซึ่งได้กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ จะเห็นรีวิวการทำจากเหล่าคนดัง ดารา เซเลปมากมายทั้งในและต่างประเทศ หากกำลังสงสัยว่า Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง? เหมาะกับใครบ้าง Ulthera กับ Thermage อันไหนดีกว่ากัน มีหลักการการทำงานอย่างไร ทำแล้วเจ็บไหม Ulthera กับ Thermage ราคาเท่าไหร่ มาหาคำตอบผ่านบทความนี้ได้เลย
หลักการยกกระชับผิวของ Ulthera กับ Thermage
ก่อนจะไปดูหลักการทำงานของ Thermage กับ Ulthera ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวหนังของคนเรานั้นมีโครงสร้างเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจหลักการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้ว โครงสร้างผิวหนังของคนเรานั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่อยู่นอกสุด ทำหน้าที่เป็นด่านป้องเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งป้องกันร่างกายจากสภาวะแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นนี้จะประกอบด้วยคอลลาเจน อิลาสติน และ Hyaluronic acid ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น เต่งตึง ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น นอกจากนั้นยังประกอบไปด้วยเส้นเลือด รูขุมขน และเส้นประสาทมากมาย
- ชั้นไขมัน (Subcutaneous fat layer) เป็นชั้นที่อยู่ลึกที่สุดในโครงสร้างผิว มีส่วนประกอบหลักคือไขมัน ทำหน้าที่ในการปกป้องอวัยวะภายในต่างๆ และช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
โดยชั้นที่ถัดลงมาจากชั้นไขมันจะเป็นชั้นกล้ามเนื้อ เป็นที่อยู่ของกล้ามเนื้อที่ใช้แสดงอารมณ์ทางใบหน้า ควบคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้า ด้านบนสุดของชั้นกล้ามเนื้อจะมีแผ่นคอลลาเจนรวมกันเป็นพังผืดเหนียว ๆ ที่เรียกว่า SMAS (Superfical Musculo Aponeurotic System) ชั้นนี้เองที่แพทย์ผ่าตัดใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
หลักการทำงานของ Thermage กับ Ulthera จะส่งพลังงานความร้อนเข้าไปได้ลึกครอบคลุมชั้นผิวหนังทั้งสามชั้น โดยมีหลักการทำงานดังนี้
Ulthera จะทำงานโดยการส่งคลื่นอัลตร้าซาวน์ ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูง ที่มีความร้อนประมาณ 60-70°C โดยไม่ทำอันตรายต่อผิว ยิงผ่านเข้าไปได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ผ่าตัดดึงหน้า การยิงจะยิงเป็นจุดเล็กๆ ขนาด 1 mm คล้ายจุดไข่ปลา เป็นแนวเส้นตรง ให้ผลยกกระชับใบหน้าคล้ายกับการผ่าตัดยกกระชับ
Thermage จะมีหลักการทำงานโดยการยิงพลังงานความร้อนซึ่งเป็นคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Capacitive Monopolar Radiofrequency, CRF) อุณหภูมิอยู่ที่ 40-50°C ลงไปลึกถึงชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน การยิงจะยิงเป็นก้อนพลังงานขนาด 3-4 cm2 ช่วยกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย สลายไขมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขน ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
Ulthera และ Thermage เหมาะกับใคร?
Ulthera เหมาะกับผู้ที่
- มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการกระชับผิว
- ต้องการลดเลือนริ้วรอย
- ต้องการปรับหน้าวีเซฟ เพิ่มความชัดของกรอบหน้า
- ต้องการกระชับรูขุมขน เพิ่มความเรียบเนียนของผิว
- ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ยกคิ้ว หางตา
- ต้องการกระชับเหนียงและคางสองชั้น
- ต้องการยกกระชับผิวรอบดวงตา ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ยกหางตาและคิ้ว
- มีร่องแก้ม แก้มห้อย มีร่องมุมปาก ต้องการยกกระชับ
Thermage เหมาะกับผู้ที่
- มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการกระชับใบหน้า
- ต้องการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ใต้คาง เหนียงเยอะ มีคางสองชั้น ต้องการสลายไขมัน
- ต้องการกระชับรูขุมขน เพิ่มความเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หลังมือ ต้องการเพิ่มความกระชับ
- มีปัญหาเซลลูไลท์บริเวณต้นขาและก้น ระดับ 2 หรือ 3
- มีปัญหาผิวหน้าท้องหย่อนคล้อย ผิวย้วย หลังคลอดบุตร หรือหลังลดน้ำหนัก
จะเห็นได้ว่า ทั้ง Thermage กับ Ulthera ต่างก็ให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่เหมือนกันคือการกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ แต่จะเลือกใช้วิธีการไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละคน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเพื่อเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล หรืออาจเลือกทำทั้งสองวิธีพร้อมกันเลยก็ได้
ระยะเวลาเห็นผลของ Ulthera กับ Thermage
หลังทำ Ulthera สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีประมาณ 20% โดยจะค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อย ๆ และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนใน 1-3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 1 – 1.5 ปี
และหลังทำเทอร์มาจ สามารถเห็นผลทันทีประมาณ 20% จะเริ่มเห็นผลชัดขึ้นภายใน 1-3 เดือน และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 1-1.5 ปี
ทั้งนี้การระยะเวลาการคงผลลัพธ์การยกกระชับของทั้งสองหัตถการขึ้นอยู่กับสภาพผิวและวิธีการดูแลตัวเองที่เหมาะสมของคนไข้แต่ละคนด้วย
Ulthera และ Thermage ใช้เวลาทำนานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการทำ Uthera ใช้เวลาในการทำทั้งหมดประมาณ 45-60 นาที ส่วน Thermage จะใช้เวลาประมาณ 45-90 นาที ทั้งนี้ระยะเวลาในการทำจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและตำแหน่งที่ทำของแต่ละคน ยิ่งใช้จำนวนไลน์หรือช็อตมากเวลาที่ทำก็จะนานขึ้น
ราคาของ Ulthera และ Thermage
สำหรับผู้ต้องการทำ Ulthera และ Thermage สามารถเข้ามาปรึกษาและให้แพทย์ประเมินรูปหน้าในเบื้องต้นก่อนได้ฟรีที่ Pongsak Clinic โดยราคาการทำจะขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตและบริเวณที่ทำ ยกกระชับผิวที่พงศ์ศักดิ์คลินิกมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ เพราะ
- เรามุ่งมั่นจะเป็นเบอร์ 1 ด้านการยกกระชับ การันตีด้วยรางวัลยกกระชับ 6 ปีซ้อน (2018-2023)
- ทำหัตถการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงาม วิเคราะห์ปัญหา ออกแบบวิธีการรักษา และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด มีความชำนาญในการใช้งานเครื่องมือเป็นอย่างดี
- ใช้เครื่องยกกระชับของแท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มีคุณภาพสูง มีค่าพลังงานคงที่ จึงมั่นใจได้เรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย
- อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีมาตรฐานในระดับสากล
- การให้บริการอย่างมืออาชีพ ใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้บริการจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการเพื่อความพึงพอใจสูงสุด
สนใจสอบถามเพิ่มเติม คลิก!!
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง
Thermage กับ Ulthera อย่างไหนเจ็บกว่ากัน
สำหรับความเจ็บนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากทำหัตถการทั้งเทอร์มาจและอัลเทอร่าที่พงศ์ศักดิ์คลนิก ทางแพทย์ของเราจะใช้เทคนิคลดเจ็บ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายระหว่างทำ
Thermage กับ Ulthera ทำพร้อมกันได้ไหม
Thermage กับ Ulthera สามารถทำควบคู่กันได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การกระชับผิวที่ดียิ่งขึ้น โดยการใช้ Ulthera ยิงพลังงานลงไปยังชั้น SMAS เพื่อยกกระชับผิวให้เต่งตึง กระชับมากยิ่งขึ้น แล้วใช้ Thermage ช่วยสลายไขมันสะสมส่วนเกินกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ให้ได้ใบหน้าที่เรียวสวย กรอบหน้าชัด และผิวที่เรียบเนียนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ให้แพทย์ประเมินและออกแบบการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
Thermage กับ Ulthera เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ต้องการเพิ่มความกระชับ ต้องการสลายไขมันส่วนเกิน ต้องการปรับรูปหน้าให้วีเซฟ เห็นกรอบหน้าชัด ลดริ้วรอยตามใบหน้า ลำคอ ร่องแก้ม ต้องการยกคิ้ว ยกมุมปาก รวมทั้งต้องลดเซลลูไลท์บริเวณสะโพกและก้น