‘ความแก่’ โดยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดกับทุกคน เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งเราทุกคนก็ต้องแก่ ซึ่งความแก่เกิดขึ้นและบ่งบอกได้ชัดเจนจากริ้วรอยกับความหย่อนคล้อยของผิว แล้วรู้ไหมว่า? แม้ความแก่จะเกิดขึ้นกับทุกคนก็จริง แต่ผิวผู้หญิงมักดูแก่กว่าผู้ชายวัยเดียวกันนับ 10 ปี เพราะเหตุปัจจัยเหล่านี้
ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้ชายมีผิวมันกว่าผู้หญิง เพราะมีในผู้ชายมากกว่าทำให้ผู้ชายแก่ช้า และเมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ยังส่งผลให้ผิวผู้หญิงเหี่ยวเร็วกว่าผู้ชายในวัยเดียวกัน
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมีผิวมัน แม้จะมีข้อเสียในเรื่องการเกิดสิว แต่ก็มีข้อดีด้วย นั่นคือผิวมันทำให้แก่ช้า เพราะความมันคอยหล่อเลี้ยงผิวอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ความมันยังช่วยให้ผิวหนาขึ้นและไม่ถูกมลภาวะที่พบเจอทำร้ายได้ง่าย
ในผิวผู้ชายมีสัดส่วนของคอลลาเจนหนาแน่นกว่าผู้หญิง ผิวจึงแข็งแรงกว่า รวมทั้งไม่หย่อนยานหรือย้วยได้ง่ายอย่างผู้หญิง และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นตั้งแต่วัย 30 ปีขึ้นไป ผิวผู้หญิงจะสูญเสียคอลลาเจนเยอะกว่า ขณะที่การผลิตคอลลาเจนใหม่ของผิวก็ลดน้อยลงเช่นกัน ซึ่งผิวผู้ชายยังคงผลิตคอลลาเจนได้มากกว่าผู้หญิงในวัยเท่ากัน ผู้หญิงจึงแก่กว่าผู้ชาย
ธรรมชาติของผู้หญิงจะมีผิวที่นุ่มนิ่ม โดยเฉพาะบริเวณแก้มที่มีเยอะกว้าผู้ชาย เมื่ออายุเพิ่มขึ้นแก้มและชั้นไขมันจะหย่อนคล้อยลงไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม ต่างจากผู้ชายที่ใบหน้าตอบลงแทนที่จะมีแก้มห้อยย้อยอย่างผู้หญิงเมื่ออายุเยอะขึ้น
จากงานวิจัยผู้หญิงมีความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่มีหน้าที่สงวนแคลเซียมในกระดูกลงอย่างรวดเร็วในช่วงวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้ผู้หญิงยังสูญเสียแร่ธาตุ แคลเซียม และสารอาหารไปบำรุงทารกในครรภ์จำนวนมาก ซึ่งหลังจากคลอดลูกหรือหมดประจำเดือนผู้หญิงจะดูมีอายุขึ้นต่างจากผู้ชาย
ขนมนมเนยและน้ำหวานเป็นอาหารว่างที่ผู้หญิงแทบทุกคนโปรดปราน แตกต่างจากผู้ชาย ซึ่งน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวในของหวานเป็นสาเหตุหนึ่งของริ้วรอยและความแก่ พฤติกรรมการรับประทานอาหารจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการที่ผู้หญิงแก่กว่าผู้ชายที่อายุเท่ากัน
ความแตกต่างหลายประการทั้งทางกายภาพและพฤติกรรมของเพศหญิงและเพศชาย ส่งผลให้ผู้หญิงดูแก่กว่าผู้ชายวัยเท่ากันก็จริง แต่หากผู้หญิงหมั่นดูแลตัวเองผิวพรรณความงาม ไม่ว่าจะด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือการเข้าสถาบันความงาม รวมทั้งพักผ่อน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีคุณค่า ในทางกลับกันผู้หญิงก็จะดูมีอายุน้อยกว่าผู้ชายหลายสิบปีหรือกระทั่งดูเด็กกว่าคนที่อายุน้อยกว่าด้วยก็ได้ เมื่อนั้น “อายุก็กลายเป็นเพียงตัวเลข” ดังที่หลายคนกล่าวไว้
‘วิตามินอี’ ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ดูแลอย่าแพร่หลาย เนื่องจากเป็นสารบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยชะลอความแก่ชรา และลดเลือนรอยแผลเป็นให้ผิวกลับเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
คุณเคยถามตัวเองหรือไม่ว่ารู้จักกับไขมันสะสมส่วนต่างๆ ของร่างกายดีแค่ไหน ถ้าคุณยังไม่รู้จักไขมันสะสมดีพอบทความนี้ได้นำความรู้เกี่ยวกับไขมันสะสมมาให้คุณทำความรู้จักมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณควบคุมปริมาณไขมันสะสมให้อยู่ในระดับที่พอดีกับที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้
ไฮฟู่ คือ เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด คลื่นเสียงเหล่านี้จะถูกส่งไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกลงไปในลักษณะเฉพาะเจาะจง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อและการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวหนังดูเต่งตึงและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมมากในวงการความงามและการดูแลผิว เนื่องจากมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจและมีความปลอดภัยสูง ไขข้อสงสัย! Hifu ทำได้บ่อยแค่ไหน Hifu ดีจริงไหม? Hifu ช่วยอะไร? แน่นอนว่าไฮฟู่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้าและลำคอ ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วจะเห็นผลตั้งแต่หลังทำ 20% และเห็นผลชัดเจนใน 1-3 เดือน ผิวหน้าจะดูเรียบเนียน เต่งตึง ริ้วรอยดูจางลง รูขุมขนกระชับ ลองมาดูกันว่า ทำ Hifu ดีไหม ตามข้อดีและจุดเด่นดังนี้ Hifu ข้อดี ที่ทุกคนควรรู้ Hifu ทําได้บ่อยแค่ไหน HIFU สามารถทำทุกเดือนได้ไหม ทางแพทย์ผู้ชำนาญการไม่แนะนำให้ทำ HIFU ทุกเดือน เนื่องจากผิวต้องได้รับเวลาในการทำงานและฟื้นฟูคอลลาเจนให้เต็มที่ โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ทำ HIFU 1-2 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว […]
