Six pack, Body fat, ไขมันในช่องท้อง, Visceral Fat, ลดน้ำหนัก, ลดไขมัน, ดูแลตัวเอง, Intermittent Fasting, ปากกาลดน้ำหนัก, วิธีการลดน้ำหนัก, วิธีลดไขมัน, ไขมันสะสม, ไขมันดื้อ, Botox, โบท็อกซ์, ปรับรูปหน้า, ลดริ้วรอย, filler, สารเติมเต็ม, Thermage, เทอร์มาจ, Ultherapy, อัลเทอร่า, Coolsculpting, สลายไขมันด้วยความเย็น

ลดน้ำหนัก Vs. ลดไขมัน แตกต่างกันอย่างไร?

คุณอยากรูปร่างดีไปนานๆ และเปลี่ยนหุ่นตัวเองแบบถาวรไม่กลับมาอ้วนอีกหรือเปล่า ถ้าใช่!…บอกเลยว่าแค่ลดน้ำหนักอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แต่คุณต้องลดไขมันในร่างกายออกไปด้วย แล้วการลดไขมันกับลดน้ำหนักแตกต่างกันอย่างไร ทำไมต้องลดทั้งสองอย่างและมีวิธีการอย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบค่ะ


การลดน้ำหนักและลดไขมันแตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ


 การลดน้ำหนัก 

ดูตัวเลขบนตาชั่งเป็นหลัก หลายคนคิดว่ายิ่งตัวเลขบนตาชั่งเหลือน้อยเท่าไหร่ คือ ‘หุ่นดี’ เท่านั้น อยากมี Six Pack แต่พุ่งเป้าไปที่การลดน้ำหนักอย่างเดียว จริงๆ ไม่ใช่นะคะ เพราะในร่างกายคนเราเป็นการรวมขององค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งน้ำ ไขมัน และอวัยวะต่างๆ การมุ่งเน้นแค่ลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะการอดอาหารหรือปล่อยให้ร่างกายอดๆ อยากๆ น้ำหนักอาจจะลดได้จริง แต่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เพราะตัวเลขที่หายไปอาจเป็นแค่ปริมาณน้ำในร่างกายหรือกล้ามเนื้อที่สลายไป

ทว่าไขมันสะสมก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมและสัดส่วนไม่ได้ลดลง ซึ่งน้ำหนักที่น้อยลงไม่ได้บ่งบอกว่ารูปร่างจะฟิตเฟิร์ม เพราะบางคนดูผอม น้ำหนักน้อย แต่มีเซลลูไลท์ มีพุง ดูไม่แข็งแรง และมีไขมันมากกว่ากล้ามเนื้อ การลดแค่น้ำหนักที่โฟกัสแค่ตัวเลขอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะมีรูปร่างที่ดีอย่างยั่งยืน

 วิธีการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน 

 ควบคุมอาหาร 80% ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ไม่ใช่การอดอาหาร
 งดของหวาน ทอด และมัน เน้นรับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีโปรตีน เช่น ถั่ว เนื้อสัตว์เป็นประจำ
 ออกกำลังกาย 20% อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการลดน้ำหนักที่ทำให้ผิวพรรณกระชับเรียบเนียน
 ใช้เวลาลดน้ำหนักอย่างมีสติ ใจเย็นๆ ไม่ใช่ลดแบบฮวบฮาบแล้วดูแก่โทรมหรือผิวเหี่ยวย่น
 ใช้ตัวช่วย เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญ และลดความอยากอาหารที่มีความปลอดภัย รวมทั้งสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น


 การลดไขมัน 

จริงๆ แล้วการวัดว่าคุณอ้วนหรือไม่ ต้องวัดกันที่ปริมาณไขมันในร่างกาย หรือ ‘Body Fat’ ซึ่งไขมันในร่างกายมี 2 ส่วนหลักๆ ด้วยกันที่เราควรลด ได้แก่
1) ไขมันบริเวณผิวหนัง ที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ฯลฯ
2) ไขมันที่อันตรายที่สุด คือ ‘ไขมันในช่องท้อง’ หรือ ‘Visceral Fat’ ซึ่งเกาะอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ตับอ่อน ลำไส้ และอวัยวะอื่นๆ ในช่องท้อง เมื่อมีปริมาณเยอะทำให้เอวหนา รอบเอวขยายใหญ่ขึ้น หรือหน้าท้องป่องยื่นออกมา ไขมันชนิดนี้ทำให้สุขภาพเราแย่และก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ ที่สำคัญคือบางคนไม่ได้มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ แต่ไขมันเกินไปไกลมากแล้ว


อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ ถ้าคุณตั้งใจจริงๆ คุณสามารถลดไขมันและเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองได้


 วิธีการลดไขมัน 

ออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านวันละ 30-45 นาที 3-4 วัน/สัปดาห์ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ฯลฯ ช่วยดึงไขมันสะสมมาใช้และเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้รูปร่างฟิตเฟิร์มและสัดส่วนลดลงไปด้วย
ทำ IF (Intermittent Fasting) การรับประทานอาหารเป็นช่วงเวลาแค่ 8 หรือ 6 ชั่วโมงต่อวัน โดยรับสารอาหารอย่างเพียงพอ วิธีนี้ช่วยให้ไขมันในช่องท้องลดลง รูปร่างกระชับมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจนขึ้น
 หากทำมาหลายวิธีแล้ว แต่มีไขมันจุดที่ดื้อและกำจัดยากจริงๆ เช่น หน้าท้องล่าง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ฯลฯ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ชื่อ ‘Coolsculpting’ ซึ่งใช้ความเย็นฆ่าและกำจัดไขมันได้ถึงระดับเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันที่ถูกฆ่าตายแล้วตายเลยไม่กลับมาอีกก็เป็นอีกหนึ่งทางออกที่ช่วยให้ไขมันดื้อออกไปจากร่างกายคุณ

อยากรูปร่างดี หุ่นดีขึ้น ใส่ชุดไหนก็รอด อย่าลืมดูแลตัวเองนะคะ ลดน้ำหนักแล้วต้องลดไขมันด้วย แต่ต้องทำแบบที่ยั่งยืน ไม่ใช่ผอมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ต้องเลือกวิธีที่เรารูปร่างดีได้แบบถาวร อาจใช้เวลาหน่อยแต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าแน่นอนค่ะ 😉


อ้างอิงข้อมูลhttps://www.coolsculpting.com/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก! ที่ภาพ
Pongsak Clinic Line
ยกกระชับ_pongsakclinic
ยกกระชับ_pongsakclinic
 พิมพ์คำว่า ” COOL”