เลเซอร์สิว ราคาเท่าไร? รักษาสิว เลเซอร์หลุมสิว กี่ครั้งหาย?
ตัดจบทุกวงจรสิวซ้ำซาก สิวอักเสบ สิวหิน รอยสิว หลุมสิว รักษาสิวถึงต้นตอครบสูตร เลเซอร์รักษาสิวกับ PONGSAK CLINIC ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์สิวหิน เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิวไปจนถึงเลเซอร์สิวที่หลัง มีบริการครบจบในที่เดียว พร้อมให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เลเซอร์รอยสิว ราคาพิเศษ รวมข้อมูลเลเซอร์สิวทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนเลเซอร์สิว เลเซอร์สิวช่วยอะไร? เลเซอร์ สิวอุดตัน หายขาดไหม? เลเซอร์ลบรอยสิว เจ็บไหม? แล้วต้องทำเลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย?
- สิว คืออะไร? เกิดได้อย่างไร? และมีสาเหตุจากอะไรบ้าง?
- เลเซอร์สิว คืออะไร เลเซอร์รักษาสิว ตัดวงจรการเกิดสิวได้อย่างไร?
- เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิว ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างไรบ้าง?
- เปิด 12 เหตุผล ทำไมเลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์สิวอุดตัน ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
- เลเซอร์สิว ราคาเท่าไหร่ ทำเลเซอร์สิว ราคาสุดคุ้ม เฉพาะลูกค้า PONGSAK CLINIC
- เลเซอร์สิว มีกี่แบบ? แต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง?
- 13 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
- ขั้นตอนเลเซอร์สิว มีอะไรบ้าง? เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิวใช้เวลารักษานานไหม?
- หลังทำเลเซอร์รักษาสิว ควรดูแลผิวอย่างไร?
- 9 พฤติกรรมต้องเปลี่ยน หากไม่อยากเป็นสิวอีก
- เลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับใครบ้าง?
- ใครบ้างไม่ควรทำเลเซอร์สิว เลเซอร์หลุมสิว ไม่เหมาะกับใคร?
- 9 จุดเด่นของ PONGSAK CLINIC ทำเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์รอยสิวกับเราดีกว่าที่อื่นอย่างไร?
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเซอร์สิว
ตัดจบทุกวงจรสิวซ้ำซาก สิวอักเสบ สิวหิน รอยสิว หลุมสิว รักษาสิวถึงต้นตอครบสูตร เลเซอร์รักษาสิวกับ PONGSAK CLINIC ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์สิวหิน เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิวไปจนถึงเลเซอร์สิวที่หลัง มีบริการครบจบในที่เดียว พร้อมให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เลเซอร์รอยสิว ราคาพิเศษ รวมข้อมูลเลเซอร์สิวทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนเลเซอร์สิว เลเซอร์สิวช่วยอะไร? เลเซอร์ สิวอุดตัน หายขาดไหม? เลเซอร์ลบรอยสิว เจ็บไหม? แล้วต้องทำเลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย?
สิว คืออะไร? เกิดได้อย่างไร? และมีสาเหตุจากอะไรบ้าง?
สิว คือ การอักเสบของต่อมไขมัน การอุดตันของรากขนและเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ รวมถึงการติดเชื้อแบคทีเรียพี-แอคเน่ (Propionibacterium Acnes: P. Acne) ซึ่งสิวสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ ซึ่งแต่ละประเภทสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เมื่อเข้าใจถึงต้นตอการเกิดสิวแล้ว ถึงจะสามารถทำการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สิวอุดตัน (Comedones)
เป็นประเภทสิวที่ไม่อักเสบ เกิดจากการสะสมน้ำมันจนจับตัวจนใต้ผิวหนัง กลายเป็นสิวอุดตัน รวมถึงการรับประทานน้ำตาลติดต่อกัน โดยสิวอุดตันสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่
- สิวอุดตันหัวเปิด หรือสิวหัวดำ : มีลักษณะเป็นตุ่มนูน มีหัวสีดำอยู่ตรงกลาง ถ้าหากทิ้งไว้นาน อาจเกิดเป็นหลุมสิวได้
- สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว : จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน หัวสิวมีสีขาว เป็นสิวที่มีโอกาสพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ หากมีการบีบหรือกำจัดสิวผิดวิธี จนเกิดการติดเชื้อ
สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
ส่วนสิวอักเสบ สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- ฮอร์โมน
- ติดเชื้อแบคทีเรีย P.Acne
- กรรมพันธุ์
- รูขุมขนกว้างและผิวมัน
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารรสจัดหรือของมัน นมวัว พักผ่อนไม่เพียงพอ ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด เป็นต้น
- ใช้ยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์ (Steroid) ยาต้านโรคลมชัก (Antiepileptics) ยาต้านโรคจิต (Antipsychotics) เป็นต้น
เลเซอร์สิว คืออะไร เลเซอร์รักษาสิว ตัดวงจรการเกิดสิวได้อย่างไร?
เลเซอร์สิว คือ วิธีรักษาสิวด้วยการยิงแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes ต้นเหตุในการเกิดสิว ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง พร้อมลดการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการอุดตันรูขุมขน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย และการันตีผลลัพธ์หลังการทำเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์ลดรอยสิวการทำเลเซอร์รักษาสิวจะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิว ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างไรบ้าง?
เลเซอร์สิว ช่วยอะไรบ้าง? อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่เรามีคำตอบ การทำเลเซอร์รักษาสิว ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์สิวหิน เลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์ลดรอยสิว หรือเลเซอร์สิวที่หลัง นอกจากจะช่วยรักษาสิวได้ตั้งแต่ต้นตอแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาผิวด้านอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- เลเซอร์สิวอุดตัน ช่วยลดโอกาสการพัฒนาเป็นสิวอักเสบ
- เลเซอร์หลุมสิว ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมรอยแผลเป็นและหลุมสิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รวมถึงรอยดำ-รอยแดงหลังเป็นสิว พร้อมปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
- ช่วยกระชับรูขุมขน ให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- เลเซอร์สิว ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง อีกหนึ่งสาเหตุหลักในการเกิดสิวอุดตัน
เปิด 12 เหตุผล ทำไมเลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์สิวอุดตัน ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
เปิด 12 เหตุผลหลัก ทำไมการทำเลเซอร์สิว ถึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์สิวหิน เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิว โดยมีข้อดีที่โดดเด่นกว่าวิธีรักษาสิวเดิม ๆ ดังต่อไปนี้
- เลเซอร์ลบรอยสิว เห็นผลลัพธ์ไวกว่าการใช้สกินแคร์ หรือยารักษาสิว
- เลเซอร์ สิวอุดตัน ช่วยรักษาสิวได้ตั้งแต่ต้นตอภายในขั้นตอนเดียว
- เลเซอร์สิว ช่วยกำจัดแบคทีเรีย P.Acnes สาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยลดอักเสบของผิวหนัง พร้อมลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้แผลจากสิวหายไวขึ้น
- เลเซอร์รักษาสิว ครอบคลุมการรักษาสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สิวหิน สิวอุดตัน สิวอักเสบ รอยสิว หรือหลุมสิว
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ฟื้นฟูและซ่อมแซมหลุมสิวและรอยแผล ให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
- ช่วยกระชับรูขุมขน ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน และสิวใหม่ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำ-รอยแดงจากสิว
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- การทำเลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์รอยสิวมีความปลอดภัย และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก
- เลเซอร์ลดรอยสิว สามารถทำได้ทุกสภาพผิว
- ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
เลเซอร์สิว ราคาเท่าไหร่ ทำเลเซอร์สิว ราคาสุดคุ้ม เฉพาะลูกค้า PONGSAK CLINIC
ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว เปลี่ยนผิวยับให้กลับมาปังอีกครั้งด้วยเลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์สิว ใกล้ฉัน เลือกที่ไหนดี? ไว้ใจเรา PONGSAK CLINIC เพราะเราเข้าใจเรื่องผิวและความงามมากกว่าใคร พร้อมออกแบบการรักษาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าคนสำคัญ เพราะเราเข้าใจว่าผิวแต่ละคนแตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด และที่สำคัญแพ็กเกจเลเซอร์สิว ของยังครอบคลุมการรักษาสิวทุกรูปแบบ
ส่วนคำถามที่ว่าเลเซอร์รอยสิว ราคาเท่าไหร่นั้น จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิว นวัตกรรมเลเซอร์สิวที่เลือกใช้บริการเป็นหลัก เลเซอร์สิว ราคาจับต้องได้ น้อง ๆ นักศึกษาหรือเด็กจบใหม่ก็สามารถทำได้ ต้อง PONGSAK CLINIC และสำหรับผู้ที่สนใจทำเลเซอร์สิวหิน เลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์ ลดรอยสิว หรือเลเซอร์หลุมสิว ในราคาพิเศษ สามารถขอคำปรึกษาแพทย์และสอบถามแพ็กเกจหรือโปรโมชันได้ที่ดีที่สุดได้ที่นี่
เลเซอร์สิว มีกี่แบบ? แต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง?
ปัจจุบัน เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาสิวมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละประเภทสามารถจัดการสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีความแตกต่างกันจากพลังงานที่ส่งตรงเข้าสู่ผิว โดยเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์สิวหิน เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิว และเลเซอร์สิวที่หลังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีอยู่ 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ CO2 Laser, Omnilux, V-Beam และ Pico Laser
เลเซอร์รักษาสิวแบบ CO2 Laser
เป็นเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์หลุมสิวที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดแสงเลเซอร์ ก่อนจะส่งพลังงานไปเปิดต่อมไขมัน ช่วยทำลายเนื้อเยื่อและต่อมไขมันบางส่วน ทำให้สิวหายไวขึ้น และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ CO2 Laser ยังเป็นเลเซอร์รอยสิว ที่สามารถฟื้นฟูหลุมสิว ลดรอยแผลเป็น และรอยแดงที่เกิดจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เลเซอร์ลบรอยสิวแบบ Omnilux
ส่วนเลเซอร์รักษาสิวแบบ Omnilux เป็นนวัตกรรมแสงบำบัด (Light Therapy) ด้วยการส่งพลังงานแสงความเข้มข้นสูงถึงผิวชั้นลึก เพื่อฆ่าเชื้อ P.Acnes สาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบ ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงจากสิวในเครื่องเดียว โดยเลเซอร์ลดรอยสิวแบบ Omnilux สามารถตอบโจทย์ที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวเรื้อรัง และสิวผดได้เป็นอย่างดี
เลเซอร์ลดรอยสิวแบบ V-Beam
ในขณะที่เลเซอร์รักษาสิวแบบ V-Beam มีจุดเด่นในการรักษารอยแดงได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง และยังสามารถรักษาสิวอักเสบ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยไม่ทำให้เกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์หลุมสิวแบบ Pico Laser
และเลเซอร์รักษาสิวแบบ Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นเลเซอร์สิวที่ปฏิวัติวงการเลเซอร์ในตลอดกาล เพราะเป็นเลเซอร์ลดรอยสิวที่สามารถส่งพลังงานด้วยความเร็วสูงสุดที่ระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้ผิวไม่เกิดการสะสมความร้อน ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงผิวไหม้หลังทำเลเซอร์หลุมสิว ทั้งยังช่วยรักษารอยสิว ลดเลือนรอยดำ-รอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมกระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น โดยไม่ทำร้ายผิวด้านบนหรือบริเวณโดยรอบอีกด้วย
13 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
การเตรียมให้พร้อมและเหมาะสมก่อนใช้บริการเลเซอร์สิว เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้หลังทำเลเซอร์หลุมสิวแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเลเซอร์รักษาสิวด้วย โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อลดอาการระคายเคืองผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือโดนแสงแดดโดยตรงประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หลีกการบีบ แกะสิว ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหน้าต้องสัมผัสกับความร้อน เช่น ซาวน่า หรือการอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- งดใช้สกินแคร์ที่ส่วนผสมของเรตินอยด์ กรดผลไม้ (AHA) และ BHA ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางและอักเสบได้
- งดทานยารักษาสิว เช่น ไอโซเตรทติโนอิน (Isotretinoin) อย่างน้อย 6 เดือน
- งดทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aespirin, NSAIDS, วาฟาริน เป็นต้น เพื่อป้องกันผิวช้ำง่าย
- งดทานวิตามิน E รวมถึงอาหารเสริมทุกชนิดที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดทดลองใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ใหม่ ๆ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ก่อนใช้บริการเลเซอร์ลบรอยสิว
- งดสครับผิวก่อนทำเลเซอร์สิวหิน ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ ประมาณ 24 ชั่วโมง
- หากมีโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา หรือแพ้อาหาร ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนเลเซอร์สิว มีอะไรบ้าง? เลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิวใช้เวลารักษานานไหม?
การทำเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์ลดรอยสิว สามารถแบ่งได้ประมาณ 7 ขั้นตอน ซึ่งจะใช้เวลาในการรักษาคร่าว ๆ 40-60 นาที โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- แพทย์จะทำการตรวจสภาพผิวอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับผิว
- เจ้าหน้าที่จะทำการทำความผิวบริเวณที่จะทำเลเซอร์สิวหิน เลเซอร์ลบรอยสิว
- เช่นเดียวกับการทำเลเซอร์ฝ้า และเลเซอร์กระ หากทำเลเซอร์สิวอุดตันบริเวณใบหน้า เจ้าหน้าที่จะสวมแว่นป้องกันสายตาจากแสงเลเซอร์ระหว่างการรักษาด้วย
- แพทย์จะทำการทาเจลเย็น หรือทายาชา
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มทำเลเซอร์หลุมสิว
- หลังทำการรักษาเสร็จ เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิว พร้อมทาครีมบำรุง เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองผิว
- แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลผิวที่เหมาะสมหลังการใช้บริการ พร้อมนัดหมาย เพื่อติดตามผลลัพธ์ในครั้งต่อไป
หลังทำเลเซอร์รักษาสิว ควรดูแลผิวอย่างไร?
หลังจากทำสิวหินเลเซอร์ เลเซอร์รอยสิว ในช่วงแรกผิวจะบอบบางและอ่อนแอเป็นพิเศษ ควรดูแลผิวเป็นอย่างดี เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
- หากมีอาการปวด หรือมีอาการแดงสามารถประคบเย็น และทายาตามคำแนะนำแพทย์ได้
- ดื่มน้ำเพียงพอ ประมาณ 8-10 แก้ว
- ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
- ห้ามให้ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์หลุมสิว โดนน้ำ 24 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หากต้องการแต่งหน้าจัด แนะนำให้เว้นไปก่อนประมาณ 7 วัน
- หลังครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนต่อผิว
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนต่อผิว
- เมื่อผิวเริ่มตกสะเก็ด งดแกะหรือเกาบริเวณดังกล่าว ควรปล่อยให้หลุดเองตามธรรมชาติ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส ขัด ถู บริเวณที่ทำเลเซอร์รักษาสิว ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- งดใช้สกินแคร์ที่ส่วนผสมของเรตินอยด์ กรดผลไม้ (AHA) และ BHA ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางและอักเสบได้
- งดการออกกำลังกายหนัก รวมถึงกิจกรรมที่ต้องอยู่ในที่ร้อน ๆ นาน ๆ เช่น ซาวน่า อาบน้ำอุ่น หรืออาบน้ำร้อน เพื่อป้องกันผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- หากมีอาการผิดปกติบริเวณที่ทำเลเซอร์สิว ควรรีบพบแพทย์ทันที
9 พฤติกรรมต้องเปลี่ยน หากไม่อยากเป็นสิวอีก
ถึงแม้การทำเลเซอร์ลดรอยสิว เลเซอร์สิวอุดตัน จะสามารถรักษาสิวได้ตั้งแต่ต้นเหตุ แต่ก็ใช้ว่าสิวจะไม่มีโอกาสกลับมาอีก ดังนั้น หลังการรักษานอกจากจะดูแลผิวแล้ว ยังต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเบื้องต้น ที่จะไปกระตุ้นการเกิดสิวโดยไม่รู้ตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- ล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าให้สะอาดเสมอ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว และต้องล้างให้สะอาด
- ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนเครื่องนอน เช่น ผ้าปู ผ้าห่ม อย่างน้อยเดือนละครั้ง
- งดบีบ จับ หรือแกะสิว
- ปรับพฤติกรรมการบริโภค เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงนมวัว และอาหารทอดหรือมัน
- พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อลดการอุดตันบนใบหน้า
เลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับใครบ้าง?
เลเซอร์สิว ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์สิวหิน เลเซอร์ลดรอยสิว หรือเลเซอร์สิวที่หลัง ทุกเลเซอร์รักษาสิว สามารถรักษาสิวได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำเลเซอร์สิว ตอบโจทย์ความต้องการและเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิว ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง
- ผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตัน และกังวลว่าจะพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบในอนาคต
- ผู้ที่มีปัญหาสิวหิน ที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีเดิม ๆ
- ผู้ที่มีปัญหาที่หลัง ซึ่งยากต่อการดูแลผิวอย่างทั่วถึง
- ผู้ที่มีรอยดำ-รอยแดงจากสิว
- ผู้ที่มีปัญหาหน้ามัน และรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามัน และรูขุมขนกว้าง
ใครบ้างไม่ควรทำเลเซอร์สิว เลเซอร์หลุมสิว ไม่เหมาะกับใคร?
เพื่อให้มั่นใจว่า การทำเลเซอร์สิวอุดตัน ตอบโจทย์และเหมาะสมกับเราจริง ควรศึกษาข้อควรระวัง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ควรทำเลเซอร์ลบรอยสิว เนื่องจาก อาจส่งผลกระทบกับร่างกายได้ ดังนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง หากมีโรคควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์หลุมสิว
9 จุดเด่นของ PONGSAK CLINIC ทำเลเซอร์สิวอุดตัน เลเซอร์รอยสิวกับเราดีกว่าที่อื่นอย่างไร?
- มีความเชี่ยวชาญและชำนาญการด้านผิวพรรณและความงาม โดยเฉพาะเลเซอร์สิว
- ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีหลากหลายสาขา ใกล้บ้านคุณ เลเซอร์สิว ใกล้ฉัน เลือกที่ไหนดี ต้อง PONGSAK CLINIC
- มีแพทย์ผู้ชำนาญการประจำคลินิก สามารถตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพในเว็บไซต์แพทยสภาได้
- มีเครื่องเลเซอร์รักษาสิวหลากหลายรูปแบบ พร้อมรองรับปัญหาผิวและความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ
- เพราะความสุขของลูกค้า คือ ความสุขของเรา PONGSAK CLINIC อบรมเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ เพื่อมอบการบริการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
- เลเซอร์สิว ราคาไม่แพง เลเซอร์รอยสิว ราคาดีที่สุด เด็กนักศึกษา หรือผู้ที่จบใหม่สามารถทำได้ โดยไม่กระทบเงินเดือน
- หลังทำเลเซอร์รอยสิว เลเซอร์หลุมสิว แพทย์ผู้ทำการรักษาจะให้คำแนะนำในการดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- มีนัดกำหนดการ เพื่อติดตามผลลัพธ์หลังทำเลเซอร์ลดรอยสิว เลเซอร์สิวอุดตันในครั้งต่อไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเซอร์สิว
เลเซอร์สิว คืออะไร?
วิธีรักษาสิวด้วยการยิงแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes สาเหตุหลักในการเกิดสิว ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง พร้อมลดการทำงานของต่อมไขมัน