ฉีดโบลดริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า การเกิดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นสัญญาณเตือนอายุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่การก้าวเข้าสู่วัยที่มากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องยอมรับริ้วรอยเหล่านั้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับริ้วรอยได้อย่างมั่นใจ การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย หนึ่งในวิธีการยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากคนทุกวัย ด้วยผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับการฉีดโบลดริ้วรอยว่ามีขั้นตอนอย่างไร ฉีดโบลดริ้วรอยราคาเท่าไหร่ ผลข้างเคียง โบท็อกซ์ริ้วรอย ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล ก่อนตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอย
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยคือ?
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นสารสกัดบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่ผลิตโดยแบคทีเรีย Clostridium botulinum เข้าไปยังกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเพื่อช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ จะออกฤทธิ์ยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาทชื่อว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าได้รับการผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยระหว่างคิ้ว รอยยิ้ม จะแลดูจางลง
ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล
ฉีดโบลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน หลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 2-4 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
- บริเวณที่กล้ามเนื้อมีขนาดเล็ก เช่น หางตา หน้าผาก มักจะเห็นผลเร็วกว่า บริเวณที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น กราม
- การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยที่กล้ามเนื้อบริเวณที่กล้ามจะเริ่มนิ่มและค่อยๆ เล็กลง
- ปริมาณยาที่ฉีด
- ยาที่ฉีดในปริมาณมาก มักจะเห็นผลเร็วกว่า ยาที่ฉีดในปริมาณน้อย
- สภาพผิวของแต่ละบุคคล
- การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์
- การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า งดการดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น
โบท็อกซ์ฉีดตรงไหนได้บ้าง
โบท็อกซ์เป็นยาที่ได้รับความนิยมซึ่งใช้เพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า สามารถฉีดได้หลายส่วนของใบหน้า รวมถึง
โบท็อกซ์สามารถใช้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นระหว่างคิ้ว ซึ่งมักเรียกว่า ” รอยย่นกังวล” สิ่งนี้สามารถช่วยให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ลง
โบท็อกซ์ใต้ตาสามารถใช้เพื่อลดริ้วรอยใต้ตา ซึ่งมักเรียกว่า “ตีนกา” มันสามารถช่วยให้ผิวในบริเวณนี้ดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น
การฉีดโบท็อกซ์ หน้าผากสามารถใช้เพื่อลดริ้วรอยบนหน้าผาก ซึ่งสามารถทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัยได้ การฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณนี้สามารถช่วยให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ลง
โบท็อกซ์สามารถใช้เพื่อลดรอยย่นรอบริมฝีปาก ซึ่งมักเรียกว่า ” รอยย่นรอบปาก” สิ่งนี้สามารถช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและอ่อนเยาว์ลง
โบท็อกซ์สามารถใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อค้าง ซึ่งสามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและใบหน้าชัดเจนขึ้น
สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการดูแลผิวหนังเพื่อหารือว่าโบท็อกซ์เหมาะกับคุณหรือไม่ และบริเวณใดของใบหน้าที่คุณต้องการฉีด พวกเขาจะสามารถประเมินความต้องการเฉพาะของคุณและแนะนำการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ ลดริ้วรอย
ก่อนการฉีดโบท็อกซ์
- ปรึกษาแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านผิวหนัง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการฉีดโบท็อกซ์ แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน ประวัติการแพ้ยา และความคาดหวังผลลัพธ์
- งดทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาแอสไพริน และยาละลายลิ่มเลือด งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนด
- ทำความสะอาดผิวหน้า ล้างหน้าให้สะอาด
ระหว่างการฉีดโบท็อกซ์
- ทำความสะอาดผิว และทายาชา แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่จะฉีด หรือประคบเย็นเพื่อลดความเจ็บปวด
- แพทย์จะใช้การรักษาโบท็อกซ์เข้าไปยังกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
หลังการฉีดโบท็อกซ์
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าแรงๆ และงดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด รวมถึงสังเกตอาการข้างเคียง เช่น รอยแดง อาการปวด หากมีอาการผิดปกติ ควรแจ้งแพทย์ทันที
การดูแลตัวเองหลังการฉีด โบท็อกซ์ริ้วรอย
ใน 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: ห้ามนวด ถู หรือเกาบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ยาที่ฉีดเข้าไปกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
- งดแต่งหน้า: เพราะเครื่องสำอางอาจอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดการระคายเคือง
- งดดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดอาการบวมแดง
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่อาจส่งผลต่อการหายของรอยช้ำและทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ด้อยลง
- นอนหงาย: การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำอาจทำให้เกิดอาการบวม
- ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นครั้งคราวเพื่อลดอาการบวมแดง
หลังจาก 24 ชั่วโมง
- ทำความสะอาดใบหน้า: ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ
- ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรอยแผลเป็น
- ดื่มน้ำเปล่า: ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษ
- รับประทานอาหาร: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่
- ออกกำลังกาย: สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ
- งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก: งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การอบไอน้ำ การซาวน่า เพราะอาจทำให้ยาที่ฉีดเข้าไปสลายตัวเร็วขึ้น
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยราคาแพงไหม ?
ราคาฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อของโบท็อกซ์ จำนวนยูนิตที่ฉีด จุดที่ฉีด
โดยเฉลี่ยแล้ว ราคาฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจะอยู่ที่ประมาณ
- 3,000 – 10,000 บาทต่อ 50 ยูนิต
- 6,000 – 20,000 บาทต่อ 100 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ราคานี้เป็นเพียงราคาคร่าวๆ อยากมีใบหน้าที่เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย ยกกระชับ และดูอ่อนเยาว์ลงไหม? โบท็อกซ์ คือคำตอบ! ที่ Pongsak Clinic คลินิกเสริมความงามที่เชี่ยวชาญด้านการฉีดโบท็อกซ์ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
คืนความอ่อนเยาว์ เติมเต็มความมั่นใจ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ให้แพทย์ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล คลิก!
คำถามที่พบบ่อย ฉีดโบลดริ้วรอยราคา
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล
การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผล ภายใน 3-7 วันแต่ ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะปรากฏ หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ ระยะเวลาในการเห็นผล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้ บริเวณที่ฉีด รอยตีนกา หางตา หน้าผาก จะเห็นผลเร็วกว่า รอยขมวดคิ้ว กราม จะเห็นผลช้ากว่า ปริมาณโบท็อกซ์ที่ฉีด ฉีดเยอะ ยาจะออกฤทธิ์เร็ว ฉีดน้อย ยาจะออกฤทธิ์ช้าและยี่ห้อของโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีสูตรและกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน
ฉีดโบท็อกซ์ ทุกกี่เดือน
การฉีดโบท็อกซ์ ไม่ควรฉีดถี่เกินไป เพราะอาจทำให้ดื้อโบท็อกซ์ ได้โดยปกติควรฉีดโบท็อกซ์ เว้นจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5 – 6 เดือน) ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อกซ์ซ้ำ บริเวณที่ฉีด รอยตีนกา หางตา หน้าผาก จะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน รอยขมวดคิ้ว กราม จะอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน
ฉีดโบท็อกไม่ควรกินอะไร
หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด
2. อาหารที่เผ็ดร้อน อาหารเผ็ดร้อน
3. อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า ปลาส้ม มะม่วงดอง มีสารไฮสตามีน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ คันบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
4. อาหารทะเล มีสารฮีสตามีน อาจทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ได้
5. อาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา มีฤทธิ์ลดการแข็งตัวของเลือด